มือกลอง

7 มือกลอง ขั้นเทพ! ระดับพระเจ้าที่เคยมาเยือนเมืองไทย

ในวงดนตรีวงหนึ่ง มือกลอง นับว่าเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งสุดสำคัญของวง พวกเขาจะเป็นผู้ที่คอยให้จังหวะ ประคองวงดนตรีนั้นๆ เมื่อทำการบรรเลงบทเพลงต่างๆ บางคนเรียกมือกลองว่าเป็น “กระดูกสันหลังของวง” เลยทีเดียว และบนโลกนี้ก็มีมือกลองมากมายแสดงฝีมือให้เราได้ชื่นชม ทั้งจากการฟังบทเพลงในแผ่น CD หรือสตรีมมิ่งต่างๆ ไปจนถึงการดูคอนเสิร์ต และงานเวิร์คช้อป

 

7 มือกลอง ขั้นเทพ ที่เราเคยได้สัมผัสฝีมือเมื่อมาเยือนแดนสยาม

ตัวเรา (ผู้เขียน) เองในฐานะผู้ที่หลงรักเสียงดนตรี ชื่นชอบการฟังเพลง และหลงใหลกับการแสดงสดของวงดนตรีต่างๆ อีกทั้งยังเล่นดนตรี เคยเป็นมือกลองในวงที่เล่นกับเพื่อนๆ ครั้งยังเป็นวัยรุ่น ทำให้เรามีไอดอลในดวงใจเป็นมือกลองระดับโลกหลายคน และเคยได้ชื่นชมพวกเขาเหล่านั้นวาดลวดลายบนเวทีแบบสดๆ กับตาตัวเองมาบ้าง

ในบทความนี้ เราจึงอยากจะขอพูดถึง มือกลอง ระดับโลก 7 คน ที่เราเคยได้ชมความสามารถของพวกเขาทั้งในงานคอนเสิร์ตหรืองานเวิร์คช้อปต่างๆ คล้ายรีวิวขนาดย่อของงานในความทรงจำที่เต็มไปด้วยความประทับใจ และประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับคนรักดนตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

 

1. Luke Holland

ช่วงที่มาในไทย ( The Word Alive live in BKK 2015 & Luke Holland Drum Workshop @ BKK 2018 )

Luke Holland มือกลอง สุดหล่อวัย 26 ปี คือหนึ่งในสุดยอดมือกลองหน้าใหม่ของยุคนี้ เขาสร้างชื่อมาจากการลงคลิป drum cover เพลงต่างๆ ใน Youtube ช่อง Luke Holland Drums โดยเพลงที่เขาเล่นก็มีหลากหลายแนวไม่เว้นแม้กระทั่งเพลงของวง Kpop ชื่อดังอย่าง Blackpink ด้วยความสามารถ ลีลา และหน้าตาทำให้เขาโด่งดัง จนเขาได้เข้าไปอยู่ในวง Metalcore ชื่อ The Word Alive ในปี 2012 – 2016

เราได้ชม Luke Holland เล่นสดครั้งแรกเมื่อครั้งที่วง The Word Alive มาเปิดการแสดงในเมืองไทย งานนี้จัดขึ้นที่ Rock Pub โดย The Word Alive เป็นหนึ่งในวงที่ทำให้สถานที่จัดงานแห่งนี้แน่นไปด้วยผู้ชม และนอกจากนักร้องนำแล้ว สมาชิกวงอีกคนที่ผู้คนต่างให้ความสนใจก็คือ Luke Holland บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่เราไม่ได้ชมฝีมือของเขาได้ถนัดชัดเจนนักเพราะผู้คนที่ยืนกันอยู่เกือบเต็มพื้นที่จัดงาน

เราได้เห็นความสามารถของเขาแบบชัดเจนกับตาตัวเองในครั้งที่ 2 ที่เราได้พบเขาในงาน Luke Holland Drum Workshop @ Bangkok 2018 ที่จัดขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ในงานนี้เราได้พบเห็นมือกลองระดับแถวหน้าของเมืองไทยและนักดนตรีมากมาย

งานนี้มีรูปแบบเหมือนงาน workshop ทั่วไป Luke Holland โชว์ทักษะการหวดกลองเพลงต่างๆ ที่เขาเคย cover ลง Youtube พร้อมอธิบายท่องที่ซับซ้อนให้เราเข้าใจ อีกทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมสอบถามสิ่งที่สงสัยความถึงเคล็ดลับในการฝึกซ้อมของเขา และปิดท้ายด้วยการเปิดโอกาสให้แฟนคลับได้ขอลายเซ็นและถ่ายภาพคู่กับเขา ต้องบอกเลยว่างานนี้ทำให้เราได้รู้ว่า Luke Holland เป็นมือกลองที่ยอดเยี่ยมเพียงใด

 

2. Chris Adler

ช่วงที่มาในไทย ( Lamb of God live in Bangkok 2010 & 2013 )

อดีตมือกลองของวงเมทัลชื่อดัง Lamb of God ที่มีเพลงฮิตอย่าง Ruin, Redneck และ Laid to Rest Chris Adler เป็นหนึ่งในมือกลองที่มีสำเนียงเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการใช้เทคนิค Heel-Toe ในการเล่น Bass Drum ซาวด์กลองของเขาค่อนข้างโดดเด่นและเป็นที่จดจำของบรรดาเมทัลเฮดทั้งหลาย

เคยมาเยือนเมืองไทย 2 ครั้งในการทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกับวงเก่าของเขา โดยงานในครั้งแรกจัดขึ้นที่หอประชุมมหิศร ตึก SCB Park งานนี้เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวของบรรดาเมทัลเฮดและนักดนตรีที่ต้องการชื่นชมและสนุกสุดเหวี่ยงไปกับวงเมทัลชื่อดังวงนี้ โดยสภาพพื้นที่หลังงานจบก็เรียกว่าเละเทะใช้ได้เลยทีเดียว และการมาเยือนแดนสนามครั้งที่ 2 ของเขาเกิดขึ้นในปี 2013 กับคอนเสิร์ตในบ้านเราครั้งที่ 2 ของวงซึ่งเป็นทัวร์โปรโมทอัลบั้ม Resolution

ในการแสดงสดทั้ง 2 ครั้ง Chris Adler แสดงให้เห็นถึงสุดยอดทักษะการตีกลองของเขา แม้เขาจะดูนิ่งๆ ไม่ค่อยโยกหัวด้วยความรุนแรงไปกับบทเพลงที่หนักหน่วงเหมือนเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ แต่การบรรเลงของเขาแทบไม่มีข้อผิดพลาดเลย เราได้ยินเสียงการเล่นเทคนิคการเล่น Heel-Toe กับ Bass Drum อย่างหนักแน่นในเพลง Ruin หรือ Laid To Rest ซึ่งสำหรับมือกลองอย่างเราต้องเรียกได้ว่าฟินหูมากๆ

สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดสำหรับเราคือ เรายังไม่เคยได้ใกล้ชิดกับ Chris Adler เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ได้เคยได้ถ่ายรูปคู่ ขอลายเซ็น หรือบอกเขาว่า เขาคือหนึ่งในไอดอลของเราในการเล่นดนตรี วันนี้ Chris Adler ออกจากวง Lamb of God ไปแล้ว หลังจากต้องหยุดพักเพราะประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ซึ่งนั่นทำให้โอกาสที่เขาจะมาไทยเป็นครั้งที่ 3 เป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก

 

3. Dennis Chambers

ช่วงที่มาในไทย ( Santana live in Bangkok 2003 &2011 )

เรารู้จัก Dennis Chambers มือกลองร่างท้วม (ที่ตอนนี้ผอมลงแล้ว) ในฐานะมือกลองที่เล่นให้กับยอดมือกีต้าร์ละตินร็อค Carlos Santana โดยเขาเล่นให้กับ Santana Band ในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1998 – 2013 Dennis Chambers เริ่มเล่นกลองตั้งแต่อายุ 4 ขวบและเมื่ออายุได้ 6 ขวบ เขาก็เริ่มเล่นดนตรีในร้านไนต์คลับย่าน Baltimore

ผมได้ชมความสามารถของมือกลองคนนี้ตอนที่เขายังเล่นให้กับ Santana และมาทัวร์คอนเสิร?ตที่เมืองไทยในปี 2003 กับ 2011 โดยทั้ง 2 งานนั้นมีช่วงให้เขาได้โชว์ความสามารถอย่างเต็มที่ ผมได้เห็นเขาโซโล่กลองนานเกือบ 10 นาที และรู้สึกทึ่งกับเทคนิคการเหยียบกระเดื่องของเขา (สามารถหาชมคลิปได้ใน Youtube) ในส่วนของการเล่นเพลงต่างๆ เขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เขาถือเป็นหนึ่งในสุดยอดมือกลองแนวแจ๊สของโลก

Dennis Chambers เดินทางมาเปิดการแสดงในประเทศไทยอีกครั้งในปี 2009 ในรูปแบบวงแจ๊สทรีโอ้ (เครื่องดนตรี 3 ชิ้น) ร่วมกับ Scott Henderson (กีต้าร์) และ Jeff Berlin (เบส) ซึ่งเราพลาดงานนั้นไป แต่เชื่อได้แน่นอนว่าบรรดานักดนตรีและมือกลองที่ได้ชมจะต้องประทับใจกับฝีไม้ลายมือของนักดนตรีทั้ง 3 คนนี้อย่างแน่นอน

 

4. Joey Jordison

ช่วงที่มาในไทย ( Slipknot live in Bangkok 2004 & Sinsaenum live in Bangkok 2018 )

Joey Jordison คือ มือกลองเมทัลที่มีชื่อเสียงมาที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาเคยเป็นหนึ่งใน 9 ขุนพลหน้ากากในวง Slipknot เคยเล่นกีต้าร์ในวง side project ของตัวเองชื่อ Murderdolls และปัจจุบันทำหน้าที่หวดกลองให้กับวงextreme metal อย่าง Sinsaenum ซึ่งเป็นวงที่รวมยอดนักดนตรีเมทัลไว้มากมาย

การมาเยือนแดนสยามครั้งแรกของ Joey Jordison เกิดขึ้นเมื่อครั้งวง Slipknot มาเปิดการแสดงที่บ้านเราในปี 2004 ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็นับได้ 15 ปีพอดี นั่นเป็นการมาเยือนเมืองไทยครั้งแรก และยังคงเป็นครั้งเดียวจนถึงวันนี้ของวงหน้ากากนรกทั้ง 9 แม้ในช่วงปีหน้าทางวงจะมีการประกาศทัวร์แถบ SEA ก็ตาม แต่ก็ไม่มีคำว่า Thailand ในตารางทัวร์ สำหรับแฟนเพลงอย่างเราๆ คงต้องบอกว่าหมดหวังแล้วจริงๆ

ภาพความทรงจำของเรากับงาน Slipknot live in Bangkok 2004 นั้นช่างแสนเลือนลางเนื่องด้วยเหตุการณ์นี้ผ่านมานาน 15 ปี และด้วยขนาดตัวของเราบวกกับตำแหน่งยืนทำให้เราแทบไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีเลย จำได้แค่วันนั้นเรารีบกลับบ้านหลังเลิกเรียน เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วรีบออกเดินทางไปเมืองทองธานี ก่อนกลับบ้านพร้อมความเหนื่อยล้าหลังการแสดงจบลง

แต่กับงาน Sinsaenum live in Bangkok เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ด้วยสถานที่จัดงานและปริมาณผู้คนทำให้เราได้หาตำแหน่งเหมาะแล้วทัศนาการเล่นของ Joey Jordison อย่างเต็มตา แม้สภาพร่างกายของเขาจะดูไม่เต็มร้อย แต่การแสดงก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เรามาทราบในภายหลังว่าเขามีอาการป่วยก่อนขึ้นแสดง และเมื่อเล่นเสร็จก็แทบจะต้องให้คนประคองลงจากเวทีเลยทีเดียว

 

5. Mike Mangini

ช่วงที่มาในไทย ( Dream Theater live in Bangkok 2012 & 2017 )

มือกลองคนต่อมาคือ Mike Mangini กระดูกสันหลังของหนึ่งในวงดนตรีที่เราชื่นชอบที่สุด Dream Theater เขาได้เข้ามารับตำแหน่งมือกลองประจำวงหลังผ่านการออดิชั่น โดยต้องแข่งขันกับมือกลองระดับโลกอีก 6 คน ซึ่งมีรายชื่อของ Virgil Donati รวมอยู่ด้วย และเขายังเคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอีกมากมาย

Mike Mangini เป็นมือกลองที่มีทักษะการเล่นยอดเยี่ยม เขาเล่นได้อย่างชำนาญทั้งมือซ้ายและมือขวา เข้าใจการเล่นสัดส่วนโน้ตที่ซับซ้อน อีกทั้งยังเล่น single stroke ได้อย่างรวดเร็วจนเคยมีคลิปที่เขาทำสถิติตี single stroke ได้เร็วที่สุดในโลกอีกด้วย ส่วนตัวแล้วเรามองว่า Mike Mangini มีเทคนิคการเล่นดีกว่า Mike Portnoy มือกลองคนเก่าของวงเสียด้วยซ้ำ

เราได้เห็นความสุดยอดของเขาในคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 และ 4 ของวง Dream Theater ในประเทศไทยซึ่งจัดขึ้นที่ Thunder Dome เมืองทองธานี โดยทั้ง 2 ครั้งนั้น Mike Mangini ได้โชว์ลีลา เทคนิค และความพลิ้วไหวของข้อมือออกมาผ่านการโซโล่นานประมาณ 7 นาที อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์คระหว่างตัวเขากับสมาชิกคนอื่นในวงอีกด้วย

นอกจากนี้ Mike Mangini คือ มือกลองที่ทำให้เราได้ไปต่างประเทศครั้งแรก เพราะเราต้องการชมคอนเสิร์ตครบรอบ 25 ปีของอัลบั้ม Images & Words จนต้องจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก พร้อมบัตรคอนเสิร์ตเพื่อเดินทางไปชมถึงสิงคโปร์เนื่องจากคิดว่าจะไม่มีชื่อประเทศไทยในตารางทัวร์รอบนั้น และนั่นทำให้เราได้ชมคอนเสิร์ตของวง Dream Theater 2 รอบใน 1 อาทิตย์ แม้จะพลาดโอกาสได้ใกล้ชิดกับวงแต่เราก็ปลอบใจตัวเองในภายหลังว่า “อย่างน้อยก็ได้มาเที่ยวต่างประเทศ (วะ)”

 

6. Mike Portnoy

ช่วงที่มาในไทย ( Dream Theater live in Bangkok 2006 & 2008 )

เมื่อพูดถึงมือกลองคนใหม่ของวงไปแล้ว เราก็จะขอแนะนำมือกลองคนเก่าของวงกันบ้าง Mike Portnoy คือหนึ่งในมือกลองที่เป็นไอดอลของเรา เขาคือสมาชิกดั้งเดิมของวง Dream Theater มีผลงานสตูดิโออัลบั้มกับวง 10 ชุด กับอีก 1 อัลบั้ม EP อีกทั้งยังเคยทำ side project กับสมาชิกวงในชื่อ Liquid Tension Experiment อีกด้วย เขาคือมือกลองมากความสามารถ ขี้เล่น และมีความสามารถในการเอ็นเตอร์เทนผู้ชมสูง

เราเฝ้ารอชมการแสดงของ Mike Portnoy ตั้งแต่ได้รู้จักกับวง Dream Theater และได้ชมดีวีดีการแสดงสดชุด Live Scenes from New York แล้วความฝันของเราก็เป็นจริงในปี 2006 เมื่อทางวงเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก เราตื่นเต้นกับงานนี้มากจนถึงขนาดต้องไปต่อแถวซื้อบัตรตั้งแต่วันแรกแล้วเราก็ไม่ผิดหวัง

สิ่งที่ Mike Portnoy แสดงให้เราเห็นคือความเก่งกาจในการเล่นเครื่องดนตรีที่เขารับผิดชอบ การร้องคอรัส ความคึกครื้น และเขาพยายามที่จะส่งพลังงานให้กับคนดู กระตุ้นคนดูให้ลุกจากเก้าอี้ตลอดเวลา (ครับ นี่เป็นงานคอนเสิร์ตเมทัลที่บังคับให้ผู้ชมนั่งเก้าอี้) หรือแม้กระทั่งยืนขึ้นจุดไฟแช็กในช่วงอินโทรของเพลง The Spirit Carries On เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมให้คนดู

ในคอนเสิร์ตครั้งที่สองของ Dream Theater ในเมืองไทย เราก็ยังคงได้รับความสนุกสนานจากการเล่นและการกระตุ้นคนดูของ Mike Portnoy ในครั้งนี้ เราได้เห็นเขาพยายามเล่นโยน – รับไม้กลองกับ drum-tech ของตัวเอง ซึ่งก็รับได้บ้าง พลาดบ้าง ถือว่าเป็นการสร้างสีสันให้กับโชว์ แต่น่าเสียดายที่คอนเสิร์ตทั้ง 2 รอบนี้ไม่มีช่วงที่ให้เขาได้โชว์การโซโล่กลองให้เราได้ชม

แม้ในปัจจุบัน Mike Portnoy จะไม่ได้เป็นสมาชิกของวง Dream Theater แล้ว แต่เขาก็ยังคงมีผลงานเพลงออกมาให้เราได้ฟังกันอยู่เรื่อยๆ โดยเขาเป็นมือกลองให้กับวง Flying Colors, The Winery Dogs และ Sons of Apollo แต่โอกาสที่เราจะได้ชมการแสดงของเขาอีกครั้งในไทยเป็นเรื่องยากเต็มที

 

7. Dave Grohl

ช่วงที่มาในไทย ( Foo Fighter live in Bangkok 2017 )

หลายคนอาจแปลกใจที่เราใส่ชื่อ Dave Grohl เข้ามาในบทความที่เกี่ยวกับมือกลอง แต่คงไม่มีใครลืมว่าเขาเคยเป็นมือกลองของวงกรันจ์ในตำนานอย่าง Nirvana ซึ่งมีเพลงอมตะหลายเพลง เช่น Smell Like Teen Spirit ก่อนที่จะมาทำหน้าที่ฟร้อนท์แมนของวง Foo Fighters ในปี 1994

Dave Grohl ในฐานะนักร้องนำของวงทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้เมื่อตอนที่เขายังเป็นกระดูกสันหลังให้กับวง Nirvana เราได้เห็นและสัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลที่เขาส่งมาให้กับผู้ชมตลอดการแสดงที่ยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง เรียกได้ว่าในวันนั้นเขาและสมาชิกวง Foo Fighters ประเคนเพลงฮิต เพลงดัง ให้แฟนเพลงได้ฟัง กระโดด และแหกปากร้องตามกันจนต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว

คอนเสิร์ตในวันนั้นถูกจัดให้เป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในชีวิตสำหรับเรา และเราต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่พลาดโอกาสรับชมสิ่งดีๆ ที่เราได้สัมผัสด้วยตัวเอง ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องรอกันอีกนานเท่าไหร่กว่าวงระดับโลกอย่าง Foo Fighters จะกลับมาเปิดคอนเสิร์ตให้แฟนๆ ในบ้านเราได้ชมเป็นบุญตาอีกครั้ง

 

มือกลอง ทั้ง 7 ในบทความนี้คือมือกลองระดับโลกที่ผู้เขียนเคยไปชื่นชมฝีมือด้วยตาตัวเองในงานคอนเสิร์ตและ Workshop เท่านั้น อาจจะมีมือกลองระดับโลกท่านอื่นๆ ที่เคยมาเยือนเมืองไทยแต่ผู้เขียนไม่ได้ไปชมจึงขอไม่กล่าวถึงในบทความนี้

 

และนี่คือมือกลองระดับโลกทั้ง 6 คนเราเคยชมการแสดงของพวกเขาในประเทศไทย จริงๆ แล้วยังมีมือกลองและวงดนตรีดังๆ อีกมากมายที่เราเคยได้สัมผัสโชว์ของพวกเขาด้วยตัวเองมาแล้ว ในฐานะผู้ที่ชื่นชอบดนตรีและคนเล่นดนตรีคนหนึ่ง เราคิดว่าการได้ชมการแสดงของวงดีๆ ศิลปินหรือนักดนตรีที่เราชื่นชอบ และนักดนตรีระดับโลกต่างๆ ก็เป็นแรงบันดาลในและสบการณ์ที่มีค่าสำหรับเราจริงๆ

หลังจากทำความรู้จักกับ มือกลองระดับโลก กันไปแล้วลองมาดูไม้กลองกันบ้างว่าใครใช้รุ่นไหนยี่ห้ออะไรกันบ้างกับบทความ