รีวิวคอนเสิร์ต Mumford & Sons live in Bangkok 2019

เมื่อเมทัลเฮดต้องมนต์สะกดของดนตรีโฟล์กร็อค

ในชีวิตของเรามีคอนเสิร์ตหลายงานที่เราตัดสินใจไปชมทั้งๆ ที่ไม่รู้จักเพลงของวงที่มาเล่นเลย และ Mumford & Sons live in Bangkok เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาก็เป็นหนึ่งในนั้น เราเคยได้ยินชื่อวงนี้มาสักพัก และเมื่อมีประกาศว่าวงจะมาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศในทัวร์โปรโมทอัลบั้ม Delta เราที่ทราบข่าวก็กดฟังเพลงของวงใน Spotify ไป 3 เพลงแล้วได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า “เราควรไปดูวงนี้แสดงสด”

Mumford & Sons คือวงดนตรีแนวโฟล์กร็อคจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ได้แก่ Marcus Mumford นักร้องนำที่เล่นกีต้าร์กับกลองได้ Ben Lovett มือคีย์บอร์ดและซินธิไซเซอร์ Winston Marshall มือกีต้าร์และแบนโจสุดเท่ห์ และคนสุดท้ายคือมือเบส Ted Dwane

คอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งแรกที่วง Mumford & Sons มาเยือนเมืองไทยโดยจัดขึ้นที่ GMM Live House ใน Central World ซึ่งถือว่าเดินทางสะดวกจึงง่ายต่อการตัดสินใจกดซื้อบัตร เราไปขึ้นไปถึงหน้าฮอลล์ประมาณ 17.30 น. บรรยากาศหน้างานในตอนนั้นสำหรับเราถือว่าค่อนข้างเงียบเหงา อาจเป็นเพราะนี่เป็นวันทำงานและผู้คนส่วนใหญ่น่าจะกำลังเดินทางมา เราใช้ชีวิตเรื่องเปื่อยอยู่แถวนั้นจนถึงเวลา 19.00 น. ประตูฮอลล์ก็เปิดออก นับว่าเป็นงานที่ประตูเปิดตรงเวลามาก

 

เราเข้ามารอที่ด้านในของฮอลล์ จำนวนผู้ชมค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด จนเริ่มมีประชากรเต็มพื้นที่แต่ไม่หนาแน่นนัก งานนี้เท่าที่ดูด้วยตาพบว่ามีชาวต่างชาติมาดูเป็นจำนวนมากพอสมควร คอนเสิร์ตเริ่มเลทจากเวลาที่กำหนดเล็กน้อยและในวลาประมาณ 20.20 น. ไฟก็ดับลงเป็นสัญญาณว่าวงกำลังจะขึ้นแสดงแล้ว

สมาชิกวงทั้ง 4 คนขึ้นมาบนเวทีแล้วเริ่มบรรเลงเพลงแรกของวัน Snake Eyes แล้วทักทายกับแฟนเพลงก่อนต่อด้วย Guiding Light เพลงจากอัลบั้บมล่าสุดของวง เพียงแค่ 2 เพลงแรกเราก็รู้สึกหลงใหลในเสียงเพลงที่มีกลิ่นดนตรีโฟล์กผสมผสานกับความร็อค และต้องบอกว่าเราตกหลุมรักเสียงแบนโจของ Winston Marshall เข้าให้แล้ว

Mumford & Sons ยังคงบรรเลงบทเพลงของพวกเขาอย่างต่อเนื่องทั้ง The Cave, Beloved และเพลงที่เราชอบที่สุดเพลงหนึ่งของวงอย่าง White Blank Page ซึ่งวงไม่ได้เล่นเลพงนี้ทุกโชว์และเราภาวนาขอให้มันอยู่ใน setlist ของคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ ผลก็คือเราไม่ผิดหวัง ได้แหกปากร้องท่อน “Tell me now where was my fault in loving you with my whole heart” ให้ดังสะใจ

Blind Leading the Blind เพลงใหม่ล่าสุดของวงถูกนำมาเล่นเป็นเพลงต่อไป ตามมาด้วย Lover of Light ที่ Marcus Mumford รับหน้าที่หวดกลองด้วยตัวเองพร้อมร้องไปด้วยอย่างไม่มีสะดุด และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประทับงานนี้ก็คือระบบเสียงที่ดีงามนั่นเอง

จุดพีคแรกของงานนี้สำหรับเราคือเพลง Little Lion Man เพลงฮิตจากสตูดิโออัลบั้มแรกของวง ผู้ชมในฮอลล์ต่างช่วยกันร้องท่อนฮุคของเพลงนี้ ก่อนที่อุณหภูมิของงานจะร้อนแรงขึ้นอีกในเพลง Ditmas ซึ่งเพลงนี้ Marcus เดินลงมาหาคนดูด่านล่างก่อนจะหยุดร้องเพลงที่ตรงหน้ารั้วกั้นระหว่างโซนบีกับซี เรียกได้ว่าแฟนเพลงต่างฟินไปตามๆ กันเลยทีเดียวเมื่อเจอการเซอร์วิสระดับถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้

Marcus กลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งเมื่อจบเพลงแล้วทางวงก็บรรเลงกันต่ออีก 3 เพลง รวดโดยทางวงส่งท้ายช่วงก่อนอังกอร์ด้วยเพลง Delta อีกหนึ่งบทเพลงจากอัลบั้มล่าสุด ซึ่งหลังจบเพลงนี้สมาชิกวงทั้ง 4 คนก็กล่าวขอบคุณแฟนเพลงและลงจากเวทีไป

Mumford & Sons ไม่ปล่อยให้แฟนๆ รอนาน พวกเขาทั้ง 4 คนกลับขึ้นมาบนเวที เริ่มต้นช่วงอังกอร์กันด้วยโชว์อะคูสติกที่สมาชิกของวง 4 คน ยืนล้อมไมโครโฟนตัวเดียวโดย Marcus สะพายกีต้าร์โปร่งขึ้นมาด้วย วงเล่นเพลง Reminder แล้วต่อด้วย Forever ที่ผู้ชมร้องตามกันสนั่น

การแสดงเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายกับเพลง Only Love ต่อด้วย Awake My Soul ก่อนจะปิดโชว์ของค่ำคืนนั้นด้วยเพลง I Will Wait เพลงสุดฮิตของวงจากอัลบั้ม Babel ที่แฟนเพลงทุกคนต่างร้องตามและเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยง และเมื่อเพลงนี้จบลงสมาชิกของวงทั้ง 4 คนก็กล่าวคำขอบคุณและอำลา ปิดฉากคอนเสิร์ต Mumford & Sons live in Bangkok ลงได้อย่างน่าประทับใจ

ความรู้สึกหลังจบงาน

บทสรุปของคอนเสิร์ตนี้สำหรับเรา เราบอกได้เลยว่ารู้สึกตัวเองโชคดีมากที่ตัดสินไปดูงานนี้แม้จะไม่เคยฟังเพลงของวงนี้เลย ตอนซื้อบัตรเราเพิ่งได้ทำความรู้จังกับวงนี้ไป 3 เพลงเท่านั้นผ่าน Spotify แต่พวกเขาก็ทำให้เราสนุกสนาน ประทับใจ หลงรัก และเริ่มหลงเสน่ห์ดนตรีแนวโฟล์กร็อคจนถึงกับถอนตัวไม่ขึ้นเข้าให้แล้ว ถ้ามีโอกาสอยากสักครั้งก็อยากให้ทุกๆ ท่านได้มีโอกาสชมการแสดงของของพวกเขากันนะครับ รับรองว่าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน