เปิดปีด้วยความเดือดจนร้อน (จริงๆ นะ)
ช่วงกลางปี 2018 เหล่าแฟนๆ เพลงแนวหนักกะโหลกต่างก็ได้รับทราบข่าวดีเมื่อสุดยอดวงเมทัลคอร์ระดับหัวแถวอย่าง As I Lay Dying กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลังจากต้องพักวงไปเนื่องจากนักร้องนำ Tim Lambesis ต้องโทษในคดีวางแผนจ้างคนมาสังหารภรรยาตัวเอง โดยในการกลับมาครั้งนี้ ทางวงได้ปล่อยซิงเกิลใหม่ชื่อ My Own Grave ก่อนที่สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 7 ของวง Shaped by Fire จะออกวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมปี 2019 และทางวงได้มีการประกาศทัวร์ประเทศต่างๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ประเทศไทย ซึ่งผู้ที่นำเข้ามาคือ Skesh Entertainment และ PMG (OD) นั่นเอง
คอนเสิร์ตครั้งที่3 ของAs I Lay Dying ในเมืองไทย
คอนเสิร์ตในวันพุธที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นการมาเล่นที่เมืองไทยเป็นครั้งที่ 3 ของวงซึ่งทิ้งช่วงห่างจากครั้งที่ 2 ถึง 7 ปี ตอนแรกงานจะถูกขึ้นที่ Live RCA ก่อนถูกย้ายมาที่ร้าน Snop รัชดาซอย 4 งานนี้มีวงเปิด 2 วงได้แก่ Dezember วงโปรเกรสซีฟเมทัลที่เป็นเจ้าบ้าน และวงเมทัลคอร์จากประเทศเพื่อนบ้าน Massacre Conspiracy ของมาเลเซีย ก่อนวันงานที่หน้าเพจของผู้จัด OD ได้ประกาศว่าบัตรถูกขายหมดแล้ว แต่ที่หน้างานจะมีบัตรขายอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เราเดินทางมาถึงหน้าร้าน Snop หลัง 5 โมงเย็นไม่นานเพราะมีน้องที่รู้จักวานให้เรามาซื้อบัตรที่หน้างานให้ เราทำภารกิจให้น้องและภารกิจของตัวเอง คือ การซื้อเสื้อทัวร์ จนเสร็จ จากนั้นจึงเดินไปมาอยู่หน้าร้านรอเวลาประตูเปิด (ซึ่งนานมากกกกกกก) ระหว่างนั้นก็ได้ยินโฆษกงานประกาศขายบัตร ขายของ ขายเบียร์ และได้มีการนับถอยหลังจำนวนบัตรที่เหลืออยู่จาก 10 ใบสุดท้ายจนเหลือ 0 เป็นอันว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ขายบัตรหมดอย่างเป็นทางการ
วงเปิดสุดเจ๋งจากทั้งไทยและมาเลเซีย
จนเมื่อถึงเวลาที่ประตูเปิด แฟนเพลงก็ทยอยเข้าสู่พื้นที่ด้านในร้าน เมื่อคำนวณจากสายตาก็พบว่าร้านนี้ค่อนข้างเล็กเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับจำนวนคนดูที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ไม่นานวงเปิดวงแรก Dezember ก็เริ่มทำการแสดง ซึ่งสมาชิกทั้ง 4 คนก็เล่นได้ตามมาตรฐาน ตามมาด้วยวงจากมาเลเซีย Massacre Conspiracy ที่เรียกได้ว่าน่าจะสร้างความประทับใจให้แฟนๆ ชาวไทยไม่น้อย เพลงของวงนี้ได้รับอิทธิพลจาก As I Lay Dying มาพอสมควร
เมื่อถึงเวลาของ As I Lay Dying
และแล้ว เวลาที่แฟนเพลงในร้านรอคอยก็มาถึง เสียงอินโทรเพลง Burn To Emerge ก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของสมาชิกวงที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวพ่อของวงการเพลงเมทัลคอร์ As I Lay Dying ก่อนกระหน่ำเปิดเพลงแรกด้วย Blinded แล้วตามด้วยเพลงสุดฮิตที่เคยให้เล่นปิดคอนเสิร์ต Through Struggle เพียงแค่ 2 เพลงแรก บรรยากาศในร้าน Snop ก็เดือดขึ้นทันตาเห็น แฟนๆ ต่างเปิดวงเซอร์เคิลพิทกันโดยที่ไม่มีใครออมแรงกันเลย
As I Lay Dying ขนทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่จากอัลบั้มล่าสุดมาเล่นให้แฟนๆ ชาวไทยได้หายคิดถึง และปลดปล่อยความกระหายที่เราไม่ได้ดูวงนี้แสดงสดมานานถึง 7 ปี แฟนๆ ต่างร้องตามท่อนเสียงคลีนในเพลงฮิตอย่าง Forsaken, The Darkest Nights และ An Ocean Between Us กันจนดังก้องร้าน Snop และเราก็เริ่มรู้สึกว่า พื้นที่เล็กๆ ของร้านนี้ค่อยๆ ร้อนขึ้น…
ใช่แล้วครับ อากาศภายในร้านร้อนมากและดูจะไม่ค่อยถ่ายเทเท่าไหร่ หลังจบงานเพื่อนเราหลายๆ คนต่างบ่นถึงเรื่องนี้เป้นเสียงเดียวกัน เรียกได้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องลงไปวิ่ง ไปมอชกับชาวบ้านเขา เพียงแค่ยืนโยกหัวเฉยๆ เสื้อคุณก็จะชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับโดนน้ำราดมา เราเริ่มรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มันเล็กเกินไปจนอึดอัด และอีกเรื่องที่ดูจะมีคนบ่นกันให้ได้ยินอยู่บ้างคือซาวด์ที่บวมจนแทบไม่ได้ยินเสียงริฟฟ์กีต้าร์ (โดยเฉพาะเพลงแรกๆ) แม้แต่เสียงร้องของ Tim Lambesis ก็จมหายไป แต่ยังคงได้ยินเสียงคลีนของมือเบส Josh Gilbert อยู่
เมื่อเข้าสู่ช่วงท้าย Tim Lambesis ก็พูดถึงที่มาของเพลงๆ หนึ่ง และบอกถึงสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาด ก่อนจะเข้าเพลง My Own Grave ที่เป็นซิงเกิลแรกของอัลบั้มใหม่ชื่อ Shaped by Fire แฟนๆ ในฮอลต่างส่งเสียกรี๊ด มอช และแหกปากร้องท่อนฮุคกันดังสนั่นร้าน Snop ก่อนที่จะมาต่อกันด้วยอีกหนึ่งเพลงดังของวง 94 Hours ที่ Tim Lambesis บอกว่านี่คือเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ และเมื่อเพลงนี้จบลง สมาชิกทั้ง 5 ของวงก็เดินลงจากเวทีไป
แต่ As I Lay Dying ก็ไม่ปล่อยให้แฟนๆ ต้องรอนาน ซาวด์เพลง Separation ดังขึ้นและสมาชิกของวงค่อยๆ เดินขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งทีละคน ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลงแรกของช่วงอังกอร์ด้วย Nothing Left และปิดฉากคอนเสิร์ตครั้งนี้กับเพลง Confined ซึ่งผู้ชมด้านล่างก็ใส่กันจนหมดแรงเพราะรู้ดีว่านี่คือช่วงสุดท้ายของการแสดงแล้ว เมื่อเพลงสุดท้ายจบลง Tim Lambesis ก็กล่าวขอบคุณแฟนเพลงอีกครั้ง สมาชิกวงคนอื่นก็เอาของมาโยนแจกเป็นธรรมเนียมก่อนที่ทั้งหมดจะเดินลงจากเวทีไป แล้วไฟในร้านก็สว่างขึ้น แฟนเพลงค่อยๆ เดินออกจการ้าน และบางส่วนก็เก็บความทรงจำทั้งในรูปแบบของภาพถ่ายและของที่ระลึกที่ขอมาได้ เช่น ไม้กลอง ปิ๊กกีต้าร์ หรือ Setlist
สรุปความประทับใจภายในงาน
เรียกได้ว่าเป็นการเปิดคอนเสิร์ตแรกของปีได้อย่างดุดันมากๆ สำหรับเรา ความมันส์ของงานนี้ทะลุจุดเดือดจนถึงขั้นต้องใช้คำว่า “ร้อนแรง” และมันยิ่งร้อนมากขึ้นเนื่องจากอากาศภายในร้านที่เสมือนกับแอร์เสีย แต่ถึงแม้จะมีเสียงบ่นเรื่องอากาศกับซาวด์มาบ้าง แต่โดยรวมแล้วเราก็เห็นว่าแฟนๆ ต่างมีความสุขที่ได้ชมการแสดงสดของ As I Lay Dying อีกครั้งบนแผ่นดินไทย และหวังว่าเราคงจะได้พบกันอีกใน As I Lay Dying live in Bangkok ครั้งต่อไป (ถ้ามีนะ…)